วันเสาร์ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

หางจระเข้

หางจระเข้

Aloe Vera



ชื่อวิทยาศาสตร์ Aloe barbadensis

วงศ์ LILIACEAE

ถิ่นกำเนิด แอฟริกา

แสงแดด ชอบแสงมาก 

อุณหภูมิ 18–26 องศาเซลเซียส

ความชื้น ต้องการความชื้นปานกลาง

น้ำ ต้องการน้ำปานกลาง

การดูแล หางจระเข้เป็นพืชที่ชอบแสงมาก ถ้าอยู่กลางแจ้งสีจะไม่เขียวสดเหมือนอยู่ในร่ม ต้องการน้ำ

ปานกลาง 

การปลูก ขยายพันธุ์โดยการแยกหน่อไปปลูกใหม่ เจริญเติบโตได้ดีในดินร่วนซุยและระบายน้ำได้ดีไม่

ชอบให้รากชื้นแฉะ ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักหลังจากแยกแยกหน่อไปปลูกใหม่

การขยายพันธุ์ แยกหน่อไปปลูก

อัตราการคายความชื้น น้อย

อัตราการดูดสารพิษ น้อย

หางจระเข้เป็นพรรณไม้ที่ได้รับความนิยมและรู้จักอย่างกว้างขวางเพราะเป็นพืชสมุนไพรที่ให้ประโยชน์กับมนุษย์อย่างมาก โดยเฉพาะสรรพคุณทางยาที่ใช้รักษาแผล
หางจระเข้มีลำต้นที่ติดดินไม่สูงมากนัก ใบมีลักษณะอวบน้ำและกักเก็บน้ำได้ดี มีสีเขียว ยาวประมาณ 1 ฟุต โคนใบมีขนาดใหญ่และเล็กเรียวขึ้นไปยังปลายใบ ขอบใบมีลักษณะหยักคล้ายหนาม ภายในเนื้อใบมีลักษณะเป็นวุ้นเมือก หางจระเข้นิยมปลูกไว้ตามหน้าบ้าน ข้างทาง หรือใช้ตกแต่งสวนก็ได้
หางจระเข้เป็นพรรณไม้ที่ได้รับความนิยมและรู้จักอย่างกว้างขวางเพราะเป็นพืชที่สามารถนำมาทำยาได้ จึงนิยมนำมาปลูกเพื่อการค้า และปลูกเพื่อประดับตกแต่งสวน นอกจากนี้ยังมีประสิทธิภาพสูงในการดูดสารพิษจำพวก ฟอร์มัลดีไฮด์ ได้อีกด้วย

ลิ้นมังกร

ลิ้นมังกร

Mother-in Law's Tonque



ชื่อวิทยาศาสตร์ Sansevieria

วงศ์ AGAVACEAE

ถิ่นกำเนิด อาฟริกันและอินเดีย

แสงแดด กึ่งแดด

อุณหภูมิ 18-27 องศาเซลเซียส

ความชื้น ต้องการความชื้นปานกลาง

น้ำ ต้องการน้ำปานกลาง

การดูแล ต้องการแสงพอสมควร ต้องการน้ำและความชื้นปานกลาง เป็นพืชที่ปลูกง่าย ทนทาน แม้มีแสง

น้อย และขาดน้ำเป็นเวลาหลายวัน ไม่ค่อยพบโรคและแมลงรบกวน ใช้ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกละลายน้ำรด

เดือนละครั้ง เปลี่ยนกระถางปีละครั้ง

การปลูก ขยายพันธุ์โดยการแยกหน่อ หรือตัดใบเป็นท่อนๆ แล้วปักชำ ชอบดินร่วนซุย ใช้ดินร่วน 3 ส่วน 

ทราย 1 ส่วน ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอก 1 ส่วน เศษใบไม้ผุ 1 ส่วน

การขยายพันธุ์ โดยการตอนกิ่งหรือปักชำ

อัตราการคายความชื้น น้อย

อัตราการดูดสารพิษ น้อย

ลิ้นมังกรเป็นพืชที่มีลักษณะโดดเด่นที่ใบสวยงามแปลกตา ปลูกได้ทั้งภายนอกอาคาร และปลูกลงในกระถางเพื่อประดับภายในอาคารและบ้านเรือน ถึงแม้จะเป็นพืชที่โตช้าแต่ก็ปลูกง่ายและทนทาน
ลิ้นมังกรนั้นมีหลายชนิด เช่น ลิ้นมังกรสั้น ลิ้นมังกรยาว ลิ้นมังกรลาย หรือเรียกว่าหอกพระอินทร์ ลิ้นมังกรมีลำต้นเป็นหัวหรือเหง้าอยู่ใต้ดิน ใบโผล่พ้นดินเป็นใบยาวแหลมคล้ายหอกแข็งตั้งตรงสูงประมาณ 1 เมตร ใบสีเขียว มีลายตามแนวขวาง ลิ้นมังกรยาวจะมีสีเหลืองบริเวณขอบใบเป็นแนวยาว ดอกมีสีขาวอมเขียว
ถึงแม้คุณสมบัติในการดูดสารพิษของลิ้นมังกรจะไม่มากนัก แต่คุณสมบัติเด่นของลิ้นมังกรอยู่ที่เป็นพืชที่คายออกซิเจนออกมาตอนกลางคืนและดูดคาร์บอนไดออกไซด์เข้าไป จึงเหมาะที่จะปลูกไว้ในห้องนอน

โกสน

โกสน
Croton


ชื่อวิทยาศาสตร์ Codiaeum Variegatum

วงศ์ EUPHORBIACEAE

ถิ่นกำเนิด อินเดียตอนใต้ ศรีลังกา

แสงแดด แดดจัด

อุณหภูมิ 18-24 องศาเซลเซียส

ความชื้น ต้องการความชื้นสูง

น้ำ ต้องการน้ำมาก

การดูแล ต้องการแสงสว่างมาก จึงควรตั้งวางไว้ใกล้หน้าต่างหรือที่มีแสงสว่างพอเพียง เป็นพืชที่

ต้องการน้ำมาก วันละ 1 ครั้ง ต้องการความชื้นสูง ถ้าอากาศแห้งควรฉีดพ่นละอองน้ำที่ใบ ใช้ปุ๋ยหมัก

หรือปุ๋ยคอกโรยรอบๆ โคนต้น หรือใช้ละลายรดน้ำเดือนละครั้ง เปลี่ยนกระถางทุกปี

การปลูก ขยายพันธุ์โดยการตอน ปักชำ หรือเพาะเมล็ด ควรเปลี่ยนกระถางทุกปี

การขยายพันธุ์ ขยายพันธุ์โดยการตอน ปักชำ

อัตราการคายความชื้น ปานกลาง

อัตราการดูดสารพิษ น้อย

โกสนเป็นพันธุ์ไม้ตระกูลเดียวกับโป๊ยเซียน โกสนมีอยู่มากมายหลายพันธุ์ตั้งแต่ขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่ ความโดดเด่นอยู่ที่ลักษณะของใบที่มีหลากหลายทั้งรูปแบบและสีสันที่สดใสงดงาม จึงนิยมนำมาปลูกเป็นไม้ประดับทั้งภายในและภายนอกอาคาร ตามปกติโกสนเป็นไม้ประดับที่ปลูกไว้ภายนอกอาคาร เพราะเป็นไม้กลางแจ้งที่ชอบแดด สีสันของโกสนจะสวยงามอยู่ได้ขึ้นอยู่กับการที่ได้รับแสงแดดที่พอเพียง ดังนั้นเมื่อนำโกสนมาปลูกเป็นไม้ประดับภายในอาคาร จึงควรตั้งไว้ในที่ที่ได้รับแสงอย่างพอเพียง หรือมีแสงแดดส่องถึง มิฉะนั้นสีของใบโกสนจะซีดลง
โกสนมีความสามารถอยู่บ้างในการดูดมลพิษในอากาศ ถึงแม้จะไม่มากเท่ากับไม้ประดับชนิดอื่นๆ แต่มีข้อได้เปรียบที่สีสันสวยงามของโกสน ทำให้ได้รับเลือกเป็นไม้ประดับยอดนิยมชนิดหนึ่ง

เงินไหลมา

เงินไหลมา

Arrowhead Vine



ชื่อวิทยาศาสตร์ Syngonium podophyllum

วงศ์ ARACEAE

ถิ่นกำเนิด อเมริกากลาง

แสงแดด กึ่งแดดถึงแดดจัด

อุณหภูมิ 16–24 องศาเซลเซียส

ความชื้น ต้องการความชื้นสูง

น้ำ ต้องการน้ำมาก

การดูแล เป็นพรรณไม้ที่ชอบแสงแดด หากปลูกภายในอาคารควรให้

มีแสงแดดส่องถึงหรือนำออกมาตั้งให้โดนแดดเป็นครั้งคราว เป็นพืช

ที่ต้องการน้ำมาก และต้องการอากาศที่มีความชื้นสูง ควรใช้ผ้า

หมาดๆ เช็ดใบเพื่อกำจัดฝุ่นและเพิ่มความชื้นให้แก่ใบเป็นประจำ

การปลูก ใช้ปุ๋ยคอก แกลบ ขุยมะพร้าว ดินร่วน อย่างละหนึ่งส่วนผสม

ดินปลูก เมื่อปลูกแล้วให้ใช้ไม้หลักที่หุ้มด้วยกาบมะพร้าวปักไว้ตรง

กลางกระถางเพื่อเป็นที่ยึดเกาะของราก ให้ปุ๋ยสม่ำเสมอและควร

เปลี่ยนกระถางเมื่อมีอายุประมาณ 2-3 ปี

การขยายพันธุ์ วิธีปักชำยอดหรือลำต้น

อัตราการคายความชื้น มาก

อัตราการดูดสารพิษ ปานกลางถึงน้อย

เงินไหลมาเป็นพรรณไม้เลื้อยที่มีเถายาว มีลำต้นกลมสีเขียว ผิวลำต้นเกลี้ยง มีข้อห่างๆ รากออกตามข้อลำต้น แต่ละข้อจะมีกาบใบหุ้มอยู่ ใบเป็นใบเดี่ยวออกตามข้อสลับกัน ก้านใบยาวประมาณ 10-15 เซนติเมตร ใบมีลักษณะคล้ายใบบอน ปลายใบแหลมโคนใบเว้าลึก หูใบยาว พื้นใบมีสีเขียวและมีสีเหลืองปนอยู่ที่บริเวณเส้นใบเล็กน้อย ดอกออกตรงส่วนยอดลักษณะดอกคล้ายกับดอกของบอน
เงินไหลมาควรปลูกในที่ร่มที่มีแสงส่องถึง ต้องการน้ำมากและความชื้นสูง เป็นไม้ประดับที่มีความสามารถในการดูดสารพิษภายในอาคารได้พอสมควร แต่อัตราการคายความชื้นสูงจึงช่วยสร้างความสดชื่นให้แก่อากาศภายในอาคารบ้านเรือน

ปาล์มไผ่

ปาล์มไผ่
Bamboo Palm




ชื่อวิทยาศาสตร์ Chamaedorea seifrizii

วงศ์ PALMEA

ถิ่นกำเนิด เม็กซิโก อเมริกาใต้

แสงแดด กึ่งแดด ร่มรำไร

อุณหภูมิ 16-24 องศาเซลเซียส

ความชื้น ต้องการความชื้นพอควร

น้ำ ต้องการน้ำพอสมควร

การดูแล ไม่ต้องการแสงแดดมาก ปลูกได้ในที่ร่มรำไร แต่ต้องการน้ำ

พอสมควร 

โดยเฉพาะในระยะกำลังเติบโต ถ้าปลูกในห้องหรือภายในอาคารควร

รดน้ำวันละ

ครั้ง ควรใช้ปุ๋ยหมักหรือปุ๋ยคอกละลายน้ำรดเดือนละครั้ง

การปลูก ชอบดินร่วนซุย ใช้ดิน 2 ส่วน ทรายหยาบ 1 ส่วน ปุ๋ยหมัก

หรือปุ๋ยคอก 1 

ส่วน เศษใบไม้ผุ 1 ส่วน

การขยายพันธุ์ ขยายพันธุ์โดยการแยกหน่อ หรือเพาะเมล็ด

อัตราการคายความชื้น มาก

อัตราการดูดสารพิษ มาก

ปาล์มไผ่เป็นปาล์มที่มีหน่อและแตกเป็นกอ ลำต้นสีเขียวขนาดเล็กเป็นข้อปล้องเห็นได้ชัด  ดูคล้ายต้นไผ่ แต่สูงไม่มากเพียง 1.5-2 เมตร ใบเป็นใบเดี่ยว เรียวแหลม สีเขียวมัน ออกตรงข้ามกันเป็นคู่ๆ แผ่ออกดูอ่อนช้อย
ปาล์มไผ่เป็นที่นิยมนำมาปลูกเป็นไม้ประดับภายในอาคารด้วยรูปทรงที่สวยงาม ถึงแม้จะเป็นปาล์มที่เจริญเติบโตช้า แต่ก็เลี้ยงง่าย ทนทาน ไม่ต้องการแสงแดดมาก ทนต่อแมลง และที่สำคัญคือมีอัตราการคายความชื้นสูงจึงเพิ่มความสดชื่นให้อากาศภายในสำนักงานและบ้านเรือนได้เป็นอย่างดี
ปาล์มเป็นไม้ประดับที่มีความสามารถสูงมากในการดูดสารพิษที่ปนเปื้อนในอากาศ โดยเฉพาะสารพิษจำพวกเบนชิน ไตรคลอไรเอททาริน ฟอร์มาดิไฮ จึงสมเหมาะที่จะนำมาปลูกเป็นไม้ประดับภายในอาคารเพื่อประโยชน์ในการฟอกอากาศให้บริสุทธิ์อีกด้วย

แกลดิโอลัส

แกลดิโอลัส



แกลดิโอลัส (อังกฤษ: Gladiolus) จัดเป็นพืชหัว (Corm) เมื่อ


ปลูกแล้วจะเกิดหัวใหม่ขึ้นแทนหัวเก่า สามารถใช้ขยายพันธุ์ ได้ต่อไป

และยังมีหัวย่อยเกิดขึ้นอีกมากมาย ปัจจุบันนี้มีการผลิตหัวย่อยได้ผล


ดีที่ภาคเหนือของประเทศไทย


     ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ 


1.แกลดิโอลัส แกรนดิฟลอรัส (Gladiolus grandiflorus) เป็นชนิด

ต้นใหญ่ ช่อดอกอวบยาว และแข็งแรง ดอกเรียงชิดกัน ช่อดอกหนึ่งๆ


อาจมีดอกถึง 20 ดอก และดอกบานพร้อมกันประมาณ 5-7 ดอก 


2.แกลดิโอลัส พรายมูลินัส (Gladiolus primulinus) เป็นชนิดต้น

เล็ก ช่อดอกเล็กยาวเรียว ดอกเล็กเรียงห่างกัน จำนวนดอกในช่อน้อย



มีลักษณะพิเศษคือ กลีบบนชั้นในงุ้มงอปรกเกสร 


3.แกลดิโอลัส ทูเบอเจนนิอาย (Gladiolus tubergenii) เป็นชนิดที่

ต้นและดอกเล็ก แต่ดอกในช่อเรียงชิดกัน ใช้ในการผสม เพื่อผลิต


แกลดิโอลัสพันธุ์ดอกจิ๋ว 

4.แกลดิโอลัส โควิลลีอาย (Gladiolus covillei) เป็นลูกผสมระหว่าง 

แกลดิโอลัส คาร์ดินาลิส (Gladiolus cardinalis) ซึ่งเป็นชนิดที่มีต้น

สูงใหญ่ ดอกสีแดง กับแกลดิโอลัสทริสติส (Gladiolus tristis) ซึ่ง

เป็นชนิดดอกเล็ก สูงไม่เกิน 60 ซม. ใน 1 ช่อมีเพียง 2-4 ดอก มีสี

ขาวหรือครีม และมีสีม่วงหรือสีนํ้าตาลปนอยู่เป็นเส้น 

5.แกลดิโอลัส นานุส (Gladiolus nanus) เป็นประเภทหนึ่งของพันธุ์

โควิลลีอายที่ต้นมีขนาดเล็ก ช่อดอกเล็กเรียวยาว ขนาดดอกเล็ก


บอบบาง มีสองสีในแต่ละกลีบจำนวนดอกในช่อน้อยและ ดอกจะบาน


พร้อมกันคราวหนึ่งเพียง 1-2 ดอก ในแต่ละช่อ

รักเร่

รักเร่



รักเร่ เป็นพันธุ์ไม้ดอกที่มีถิ่นกำเนิดในเม็กซิโก โคลัมเบีย และ



ทั่วไปในทวีปอเมริกากลาง ดอกมีรูปทรงและสีสรรสวยงามสะดุดตา   

ก้านดอกแข็งแรง นิยมปลูกเป็นไม้ตัดดอก เช่นเดียวกับกุหลาบ แต่ใน

ประเทศไทยไม่นิยมปลูก เนื่องมาจากมีชื่อที่ไม่เป็นมงคล 


     ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ รักเร่เป็นไม้พุ่ม 

มีลักษณะคล้ายหัว ลำต้นแตกกิ่งก้านสาขามากมาย ดอกเป็นแบบ


เดียวกับเบญจมาศ ก้านดอกยาวแข็งแรงกลีบดอก แบ่งออกเป็น 2 

ตอน กลีบดอกชั้นนอกนี้แผ่กว้างออก หรืออาจจะห่อเป็นหลอดก็ได้

แล้วแต่ชนิดของดอก มีเกสรตัวผู้และตัวเมียอยู่ในดอกเดียวกัน กลีบ

รองดอก ด้านในเป็น แผ่นบาง ๆ เรียงกันเป็นระเบียบติดอยู่กับฐาน

ของดอก ส่วนกลีบรอง ดอกด้านนอบเล็กกว่าด้านใน เมล็ดมีลักษณะ

เป็นรูปไข่ ดอก มีหลายสี เช่น ชมพู น้ำเงิน ขาว แดง แสด ส้ม ม่วง 

และเหลือง เป็นต้น 

การดูแล และการขยายพันธ์ุ 

     รักเร่ชอบขึ้นในที่กลางแจ้งแดดจัด แต่มีความชื้นพอเพียง ควรปลูก

ในดินที่ร่วนซุยและระบายน้ำได้ดี บางครั้งจำเป็นต้องหาวัสดุคลุมดิน

ให้รักเร่ เช่น ฟาง ใบไม้แห้ง หรือเปลือกถั่ว เป็นต้น สำหรับการขยาย

พันธุ์รักเร่นั้น สามารถเพาะเมล็ด ปักชำกิ่ง ต่อกิ่ง หรือใช้ราก เมื่อต้น

ให้ดอกแล้ว ต้นจะแก่และโทรมไปในที่สุด โดยจะทิ้งรากที่เป็นหัวไว้

ในดิน ให้ตัดต้นเหนือระดับดินประมาณ 3 นิ้ว เพราะส่วนของตาที่จะ

เจริญเป็นต้นใหม่จะอยู่บริเวณโคนต้น แล้วจึงขุดหัวขึ้นมาจากดิน 


ประโยชน์ หัวใต้ดิน นำมาต้มกับหมูรับประทานแก้โรคหัวใจ แก้ไข้ต้น 

น้ำคั้นจากต้นมีฤทธิ์เป็นยาปฏิชีวนะอ่อน ๆ ฆ่าเชื้อ Staphylococcus 

แต่สำหรับใบรักเร่บางพันธุ์มีพิษ ไม่นิยมรับประทาน